ไต้หวัน เข้ม ห้ามนำเข้าสุกรไทย ฝ่าฝืนปรับสองแสนบาท

ไต้หวัน เข้ม ห้ามนำเข้าสุกรไทย ฝ่าฝืนปรับสองแสนบาท

ไต้หวัน เอาจริง ออกมาตรการสกัด ASF ด้วยการสั่งห้าม ห้ามนำเข้าสุกรไทย หรือ ผลิตภัณฑ์จากสุกร ทั้งหมด ฝ่าฝืนเจอโทษปรับสองแสนบาท ไต้หวันห้ามนำเข้าหมูไทย – เมื่อวันที่ 12 มกราคม เว็บไซต์ โฟกัสไต้หวัน ได้รายงานว่า ทางการไต้หวันเตรียมปรับเงินบุคคลที่นำสุกร หรือ ผลิตภัณฑ์จากสุกรที่มาจากประเทศไทยเข้าไต้หวันเป็นเงินอย่างน้อย 240,000 บาท หลังจากที่ โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร หรือ ASF ระบาดในประเทศไทย

ประกาศนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ 

ในฐานะประธานคณะทำงานด้านวิชาการป้องกัน ควบคุม และกำจัดอหิวาต์แอฟริกาในสุกร พบผลบวกเชื้อ เอเอสเอฟ จำนวน 1 ตัวอย่างจากตัวอย่างพื้นผิวสัมผัสบริเวณโรงฆ่าสัตว์แห่งหนึ่งที่มาจากจังหวัดนครปฐม

โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่าหากพบบุคคลฝ่าฝืนคำสั่งดังกล่าว บุคคลที่กระทำผิดครั้งแรกต้องจ่ายค่าปรับ 240,000 บาท และหากพบกระทำผิดซ้ำ จะต้องถูกปรับเป็นเงินกว่า 1.2 ล้านบาท ซึ่งทางการระบุว่าหากใครที่ไม่สามารถจ่ายเงินค่าปรับได้จะถูกส่งออกนอกไต้หวันทันที

ก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงปลายเดือนธันวาคม เจ้าหน้าที่นครไถหนาน ในไต้หวัน ได้พบ กุนเชียงจากประเทศไทยที่ปนเปื้อนเชื้ออหิวาต์แอฟริกาในสุกร ซึ่งจากการค้นพบครั้งนั้นนายเฉิน จี๋-จ้ง ประธานสภาเกษตร ได้ชี้แจงต่อคณะกรรมธิการกิจการเศรษฐกิจของรัฐสภาไต้หวันว่านี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าหน้าที่พบการปนเปื้อนเชื้ออหิวาต์แอฟริกาจากประเทศไทย อย่างไรก็ตามประเทศไทยถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเทศเสี่ยงสูงตั้งแต่ปี 2563

WHO เตือนรัฐบาลและประชาชน อย่าเพิ่งมองว่า โควิด เป็น โรคประจำถิ่น หลังโอมิครอนระบาดหนักและยากที่จะคาดเดาสถานการณ์ เมื่อวันที่ 11 มกราคม สำนักข่าว โพลิติโก้ ได้รายงานว่า องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ได้ออกมาเตือนรัฐบาลในหลายประเทศว่าอย่าเพิ่งมองว่าโรคโควิดเป็นโรคประจำถิ่น โดยทางองค์การอนามัยโลก ระบุว่า ยังเร็วเกินไปที่จะคาดว่าการแพร่ระบาดของโควิดจะสิ้นสุดเมื่อไหร่ เพราะในขณะนี้หลายชาติกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิดโอมิครอน และทำให้มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ซึ่งการแพร่ระบาดที่รวดเร็วนี้ อาจทำให้ระบบสาธารณสุขของหลายประเทศต้องรับแรงกดดันอย่างมหาศาล

ซึ่งทาง แคทเธอรีน สมอลวูด เจ้าหน้าที่อาวุโสฝ่ายสถานการณ์ฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก กล่าวว่าหากเทียบกับนิยามของโรคประจำถิ่นแล้ว สถานการณ์ในขณะนี้ไม่ใกล้เคียงเลย พร้อมอธิบายว่า โรคประจำถิ่นนั้น สถานการณ์ต้องคงที่และสามารถคาดการณ์ได้ และในขณะนี้การแพร่ระบาดของโควิด ยังคงมีความไม่แน่นอนสูงมาก และไวรัสก็ยังกลายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้เกิดความท้าทายใหม่ๆ ขึ้นตามมา

โดยนาง สมอมวูล ย้ำว่าประชาชนทุกคนยังไม่ควรจะมองว่าโควิดเป็นโรคประจำถิ่น ก่อนที่โควิดจะกลายเป็นโรคประจำถิ่นจริงๆ

นายกอังกฤษ เครียด! ถูกดดันให้ ลาออก หลังละเมิดมาตรการโควิด

บอริส จอห์นสัน นายกอังกฤษ กำลังเผชิญกระแสกดดันอย่างหนักให้ ลาออก จากตำแหน่งหลังละเมิดมาตรการโควิดด้วยการจัดงานเลี้ยงในปี 63 เมื่อวันที่ 13 มกราคม สำนักข่าว BBC รายงานว่า ประชาชนได้ออกมากดดันให้ นาย บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษลาออกจากตำแหน่งจากกรณีฉาว เมื่อวันที่ 20 พ.ค. 2563 ที่นาย จอห์นสัน ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงพร้อมบอกให้ผู้เข้าร่วมงานนำเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์มาเอง ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวนั้นเป็นช่วงที่อังกฤษกำลังใช้มาตรการล็อกดาวน์ และสั่งห้ามไม่ให้มีการรวมตัวเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด

โดยนาย จอห์นสัน ได้กล่าวขอโทษระหว่างประชุมสภาผู้แทนราษฎรอังกฤษ และยอมรับว่าตนได้เข้าร่วมงานเลี้ยงดังกล่าวจริง ทั้งนี้เขาอ้างว่าเขาร่วมงานแค่ 25 นาทีเพื่อขอบคุณเจ้าหน้าที่ พร้อมยืนยันว่าการจัดงานดังกล่าวเป็นไปตามมาตรการโควิด พร้อมยืนกรานว่าจะไม่ลาออกจากตำแหน่ง

อย่างไรก็ตาม ส.ส. หลายคนไม่เชื่อคำกล่าวอ้างดังกล่าว พร้อมกดดันให้นาย จอห์นสัน ลาออกถึงแปดครั้ง รวมไปถึงหัวหน้าพรรคแรงงานที่ได้กล่าวว่าข้ออ้างของนายจอห์นสันดูเหลวไหลมาก และเขาควรจะทำในสิ่งที่ถูกต้องและลาออกจากตำแหน่ง

ด้านผลสำรวจจากประชาชน เห็นด้วยเกินครึ่งว่า นายกฯอังกฤษ ควรลาออกจากตำแหน่ง

ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ สื่อท้องถิ่นได้ออกมาแฉว่า นายจอห์นสันกับแฟนสาว เข้าไปในงานเลี้ยงซึ่งจัดที่สวนของดาวนิงสตรีท และมีเจ้าหน้าที่อยู่ราว 40 คน ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่โควิดกำลังแพร่ระบาดหนัก และใช้มาตรการล็อกดาวน์ห้ามไม่ให้ประชาชนรวมตัวและออกนอกบ้านหากไม่มีเหตุจำเป็น

กระทรวงสาธารณสุข พร้อมองค์กรพันธมิตรภาครัฐและเอกชน ขานรับนโยบายเปิดประเทศรัฐบาล เตรียมจัดงานไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล เฮลท์ เอ็กซ์โป 2022 มหกรรมแสดงศักยภาพความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุขครั้งยิ่งใหญ่ของไทย ในรูปแบบ ไฮบริด เอ็กซิบิชั่น วันที่ 20 – 23 มกราคม 2565 เตรียมพบนวัตกรรมเทคโนโลยีความก้าวหน้าด้านการแพทย์ การสาธารณสุขในปัจจุบันและอนาคต จากด้านพันธมิตร หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้ร่วมจัดงานจากทั่วโลกอย่างเต็มพิกัด ร่วมสร้างความเชื่อมั่นด้านสาธารณสุข กระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมเชื่อมโยงธุรกิจสุขภาพไทยกับทั่วโลก คาดมีผู้เข้าร่วมชมงานทั้งไทยและต่างชาติกว่า 50,000 คน

เครดิต : รีวิวซีรี่ย์เกาหลี | ลายสั | รีวิวร้านอาหาร | โทรศัพท์มือถือ ราคาถูก | เรื่องย่อหนัง